เลียนแบบความเชื่อของเขา | โยบ
พระยะโฮวาเยียวยาความปวดร้าวของเขา
ในที่สุด การสนทนาของผู้ชายกลุ่มนี้ก็ตกอยู่ในความเงียบ บางทีอาจได้ยินแค่เสียงลมจากทะเลทรายอาหรับที่พัดมาอย่างแผ่วเบา โยบไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว เขาอ่อนล้าเต็มทีหลังจากโต้เถียงกับเพื่อน ๆ มายาวนาน ลองนึกภาพโยบจ้องมองเอลีฟัส บิลดัด และโศฟาร์ เพื่อน 3 คนของเขาด้วยความโกรธ เหมือนกับท้าให้เขาพูดต่อ แต่พวกเขากลับก้มหน้าหรือมองไปทางอื่น ไม่อยากยอมรับว่าคำพูดโต้แย้งที่คิดว่ามีเหตุผล คำพูดไร้สาระ และคำพูดเจ็บแสบของพวกเขาล้มเหลวไม่เป็นท่า (โยบ 16:3) ไม่ว่าจะยังไง โยบก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะรักษาความซื่อสัตย์เสมอ
โยบอาจรู้สึกว่าความซื่อสัตย์ของเขาเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ เขาสูญเสียทรัพย์สิน เสียลูก 10 คน เพื่อนกับเพื่อนบ้านไม่ได้ช่วยเหลือและนับถือเขา ในที่สุดเขาก็ป่วย ผิวหนังดำคล้ำ ตามตัวมีแต่สะเก็ดแผล มีหนอนไต่ยั้วเยี้ย แม้แต่ลมหายใจก็ยังมีกลิ่นเหม็น (โยบ 7:5; 19:17; 30:30) นอกจากนั้น คำพูดเจ็บแสบที่เพื่อน 3 คนพูดกับโยบก็ยิ่งทำให้โยบโกรธมากขึ้น โยบมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้ทำบาปอย่างที่พวกเพื่อน ๆ กล่าวหา คำพูดสุดท้ายของโยบทำให้เพื่อน ๆ พูดอะไรไม่ออก ไม่มีคำพูดเจ็บแสบออกจากปากของพวกเขาอีกต่อไป โยบยังคงทุกข์ทรมานทั้งกายและใจ เขาจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างมาก!
เราเข้าใจได้ว่า ความคิดและความเข้าใจของโยบผิดเพี้ยนไป เขาจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำและการแก้ไข และต้องได้รับการปลอบโยน ซึ่งจริง ๆ แล้วน่าจะได้รับจากเพื่อน 3 คนนี้ คุณเคยรู้สึกไหมว่าคงจะทนต่อไปไม่ไหวแล้วถ้าไม่มีใครชี้แนะและปลอบโยน? คนที่คุณคิดว่าเป็นเพื่อนเคยทำให้คุณเสียใจไหม? มาดูว่าพระยะโฮวาช่วยโยบผู้รับใช้ของพระองค์อย่างไร? และการที่โยบตอบรับการช่วยเหลือจะช่วยคุณให้มีความหวังและได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์อย่างไร?
ผู้ให้คำแนะนำที่ฉลาดและเห็นอกเห็นใจ
เรื่องที่เกิดขึ้นกับโยบต่อจากนี้ทำให้เราคาดไม่ถึง มีคนหนึ่งที่อยู่ที่นั่นด้วย เขาเป็นชายหนุ่มชื่อเอลีฮู เขาอยู่ที่นั่นตลอด ตั้งใจฟังผู้สูงอายุเหล่านั้นเถียงกัน แต่เขารับไม่ได้เลยกับสิ่งที่ได้ยิน
เอลีฮูทุกข์ใจไปกับโยบด้วย เขารู้สึกเจ็บปวดที่เห็นโยบซึ่งเป็นคนดีถูกกดดันจากเพื่อน 3 คน และ “พยายามพิสูจน์ว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกแทนที่จะเป็นพระเจ้า” แต่ถึงอย่างนั้นเอลีฮูก็เห็นใจโยบมาก เขาเข้าใจว่าโยบเจ็บปวด จิตใจดี และต้องได้รับคำแนะนำและกำลังใจอย่างมาก ไม่แปลกเลยที่เอลีฮูหมดความอดทนกับผู้ปลอบโยนจอมปลอมทั้ง 3 คนนั้น เอลีฮูได้ยินพวกเขาพูดโจมตีโยบ พยายามทำลายความเชื่อ ศักดิ์ศรี และความซื่อสัตย์ของโยบ ที่แย่ยิ่งกว่านั้น พวกเขาพูดให้โยบเข้าใจว่าพระเจ้าชั่วช้า!—โยบ 32:2-4, 18
เอลีฮูบอกว่า “ผมอายุยังน้อย ส่วนพวกท่านนั้นอายุมากแล้ว ผมจึงไม่ได้พูดอะไรเพราะเกรงใจพวกท่าน และผมไม่กล้าบอกพวกท่านว่าผมรู้อะไร” แต่เขาทนนิ่งเงียบต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เขาพูดต่อว่า “อายุมากใช่ว่าจะฉลาดเสมอไป และไม่ได้มีแต่คนสูงอายุที่เข้าใจอะไรถูกต้อง” (โยบ 32:6, 9) เอลีฮูพูดต่อไปเพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง แต่เขาใช้วิธีพูดต่างจากเอลีฟัส บิลดัด และโศฟาร์ เอลีฮูทำให้โยบมั่นใจว่าเขาจะไม่ดูถูกหรือเพิ่มความทุกข์ให้โยบ เอลีฮูยังให้เกียรติโดยเรียกชื่อโยบ และยอมรับว่าโยบได้รับการปฏิบัติอย่างเลวร้าย a เอลีฮูพูดด้วยความนับถือว่า “ตอนนี้ท่านโยบ โปรดฟังผมเถอะ”—โยบ 33:1, 7; 34:7
เอลีฮูแนะนำโยบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ผมได้ยินที่ท่านพูดว่า . . . ‘ผมบริสุทธิ์ไม่ได้ทำอะไรผิด ผมเป็นคนสะอาดไม่เคยทำชั่ว แต่พระเจ้ายังหาเรื่องเล่นงานผม’” เอลีฮูพูดถึงปัญหาที่แท้จริงของโยบที่ต้องแก้ไข เขาถามว่า “ท่านมั่นใจว่าท่านทำถูกจนถึงกับบอกว่า ‘ผมเป็นฝ่ายถูกมากกว่าพระเจ้า’ อย่างนั้นหรือ?” เขาไม่ยอมให้โยบคิดแบบนั้นอีกต่อไป เขาบอกว่า “ที่ท่านพูดนั้นไม่ถูกเลย” (โยบ 33:8-12; 35:2) เอลีฮูรู้ว่าโยบกำลังโกรธเพราะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง และเพื่อนจอมปลอมก็ทำไม่ดีกับเขา แต่เอลีฮูเตือนโยบว่า “ท่านต้องระวัง อย่าโกรธจนอาฆาตแค้น”—โยบ 36:18
เอลีฮูเน้นย้ำถึงความกรุณาของพระยะโฮวา
ที่สำคัญเอลีฮูพูดปกป้องพระยะโฮวาพระเจ้า เขาสรุปให้เห็นความจริงง่าย ๆ แต่มีพลังว่า “ไม่มีวันที่พระเจ้าเที่ยงแท้จะทำชั่ว และไม่มีทางที่ผู้มีพลังอำนาจสูงสุดจะทำผิด! . . . ผู้มีพลังอำนาจสูงสุดไม่บิดเบือนความยุติธรรม” (โยบ 34:10, 12) เอลีฮูยกตัวอย่างความเมตตาและความยุติธรรมของพระยะโฮวาโดยเตือนโยบให้รู้ว่าพระยะโฮวาจะไม่ลงโทษที่เขาไม่ระวังคำพูด (โยบ 35:13-15) นอกจากนั้น เอลีฮูไม่ได้ทำตัวว่ารู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้า แต่เขาถ่อมตัวยอมรับว่า “พระเจ้ายิ่งใหญ่เกินกว่าที่เราจะเข้าใจ”—โยบ 36:26
แม้เอลีฮูจะแนะนำตรง ๆ แต่ก็แสดงความกรุณา เขาพูดถึงความหวังที่ยอดเยี่ยมว่าสักวันหนึ่งพระยะโฮวาจะให้โยบมีสุขภาพดีเหมือนเดิม พระเจ้าจะพูดกับผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ว่า “ให้เนื้อหนังของเขาเปล่งปลั่งยิ่งกว่าตอนเป็นเด็ก และให้เขากลับมีเรี่ยวแรงเหมือนตอนเป็นหนุ่ม” อีกตัวอย่างหนึ่งที่เอลีฮูแสดงความกรุณากับโยบคือ เขาไม่ได้พูดอยู่ฝ่ายเดียว เขาเชิญโยบอย่างสุภาพให้พูดและตอบ โดยบอกว่า “พูดมาเถอะ เพราะผมก็อยากพิสูจน์ว่าท่านไม่ผิด” (โยบ 33:25, 32) แต่โยบไม่ตอบอะไรเลย เขาอาจคิดว่าไม่มีอะไรจะต้องแก้ตัวอีกแล้ว เพราะคนที่ให้คำแนะนำได้แสดงความกรุณาและให้กำลังใจเขา บางทีโยบอาจถึงกับร้องไห้ด้วยซ้ำเมื่อเห็นว่าเอลีฮูใส่ใจเขามากขนาดนี้
เราได้บทเรียนสำคัญมากจากชายที่ซื่อสัตย์ 2 คนนี้ ตัวอย่างของเอลีฮูสอนว่า เราต้องให้คำแนะนำและปลอบโยนคนที่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ และเพื่อนแท้จะบอกคุณว่ามีข้ออ่อนแอร้ายแรงอะไรที่ต้องแก้ไข หรือเตือนคุณก่อนที่คุณจะทำผิดร้ายแรงแม้มันจะไม่ง่ายเลยที่จะทำแบบนั้น (สุภาษิต 27:6) เราอยากเป็นเพื่อนที่กรุณาและให้กำลังใจคนที่ต้องได้รับการช่วยเหลือแม้เขาจะพูดอะไรโดยไม่คิดก็ตาม และตัวอย่างของโยบสอนเราให้ถ่อมตัวยอมรับคำแนะนำ เพราะเราทุกคนต้องการคำแนะนำและการแก้ไข และการที่เราทำตามคำแนะนำจะช่วยชีวิตเราได้—สุภาษิต 4:13
“ออกมาจากพายุ”
ตอนที่เอลีฮูพูด เขามักจะพูดถึงลม เมฆ ฟ้าร้อง และฟ้าแลบ เขาบอกว่า “ฟังให้ดีสิ พระองค์ส่งเสียงดังสนั่น” และต่อมาเอลีฮูก็พูดถึง “ลมพายุ” (โยบ 37:2, 9) ดูเหมือนว่าตอนที่เขาพูด มีพายุเริ่มก่อตัว และใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุด มันกลายเป็นลมพายุใหญ่ จากนั้น ก็มีสิ่งที่น่าประทับใจเกิดขึ้น พระยะโฮวาตอบโยบ!—โยบ 38:1
นึกภาพดูสิว่าโยบได้รับสิทธิพิเศษมากขนาดไหนที่ผู้สร้างเอกภพสอนเขาด้วยตัวเอง!
หนังสือโยบให้กำลังใจเรามาก โดยเฉพาะเมื่อเราอ่านมาถึงตอนนี้ ซึ่งเป็นตอนที่พระยะโฮวาพูดกับโยบ มันเหมือนกับลมพายุแห่งความจริงได้พัดพาคำพูดที่ไร้สาระทั้งหมดไป คือคำโกหกทั้งหมดของเอลีฟัส บิลดัด และโศฟาร์ พระยะโฮวาไม่ได้พูดถึงผู้ชายเหล่านี้อีกเลยจนถึงช่วงท้าย ๆ ของหนังสือโยบ พระยะโฮวาตั้งใจพูดกับโยบเท่านั้น พระองค์แก้ไขความคิดของโยบอย่างตรงไปตรงมาแต่ก็กรุณาเหมือนที่พ่อสั่งสอนลูก
พระยะโฮวาเข้าใจความทุกข์ของโยบ และพระองค์สงสารเขา เหมือนที่พระองค์สงสารลูก ๆ ที่รักของพระองค์เสมอเมื่อพวกเขาเจอความทุกข์ (อิสยาห์ 63:9; เศคาริยาห์ 2:8) นอกจากนั้น พระองค์รู้ด้วยว่าโยบ “พูดออกไปทั้ง ๆ ที่ไม่มีความรู้” เลยทำให้เขายิ่งรู้สึกแย่ลงไปอีก พระยะโฮวาจึงแก้ไขความคิดของโยบโดยถามเขาหลายอย่าง พระองค์เริ่มว่า “เจ้าอยู่ที่ไหนตอนที่เราวางฐานรากของโลก? บอกเรามาสิถ้าเจ้าคิดว่าเจ้ารู้” ตอนที่พระเจ้าสร้างสิ่งต่าง ๆ “ดาวรุ่งทั้งหลาย” ซึ่งหมายถึงเหล่าทูตสวรรค์ที่อยู่ในครอบครัวของพระองค์โห่ร้องดีใจเมื่อเห็นสิ่งมหัศจรรย์ที่พระองค์สร้าง (โยบ 38:2, 4, 7) แน่นอน โยบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้
จากนั้น พระยะโฮวาก็พูดต่อถึงสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์สร้าง เหมือนกับว่าพระองค์พาโยบไปดูคร่าว ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่คนในทุกวันนี้อาจเรียกว่าวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ เช่น เรื่องเกี่ยวกับดาราศาสตร์ ชีววิทยา พันธุศาสตร์ และฟิสิกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระยะโฮวาพูดถึงสัตว์ต่าง ๆ ที่เห็นได้ในสมัยของโยบ เช่น สิงโต อีกา แพะภูเขา ลาป่า วัวป่า นกกระจอกเทศ ม้า เหยี่ยว นกอินทรี เบเฮโมท (ดูเหมือนว่าเป็นฮิปโปโปเตมัส) และสุดท้ายเลวีอาธาน (อาจเป็นจระเข้) นึกภาพดูสิว่าโยบได้รับสิทธิพิเศษมากขนาดไหนที่ผู้สร้างเอกภพสอนเขาด้วยตัวเอง! b
สอนเรื่องความถ่อมและความรัก
จุดสำคัญของเรื่องทั้งหมดนี้คืออะไร? โยบต้องรีบถ่อมตัว การที่เขาบ่นในสิ่งที่คิดว่าพระยะโฮวาทำไม่ดีกับเขามีแต่จะทำให้เขาทุกข์ใจมากขึ้น และทำให้เขาเหินห่างจากพระเจ้าซึ่งเป็นเหมือนพ่อที่รักเขา ดังนั้น พระยะโฮวาจึงถามโยบหลายครั้งว่า โยบอยู่ที่ไหนตอนที่สิ่งมหัศจรรย์ต่าง ๆ เกิดขึ้น? โยบดูแลและควบคุมสิ่งที่พระองค์สร้างได้ไหม? ถ้าแม้แต่ธาตุพื้นฐานที่พระยะโฮวาสร้างเขายังควบคุมไม่ได้ แล้วเขามีสิทธิ์อะไรที่จะสั่งให้พระเจ้าทำในสิ่งที่เขาต้องการ ความคิดและแนวทางของพระยะโฮวาสูงส่งกว่าความคิดของโยบมากไม่ใช่หรือ
โยบไม่ได้เถียง แก้ตัว หรือหาข้ออ้าง
ทุกอย่างที่พระยะโฮวาพูดแสดงให้เห็นว่าพระองค์ยังรักโยบมาก เหมือนพระยะโฮวากำลังหาเหตุผลกับโยบว่า ลูกพ่อ ถ้าพ่อสร้างและดูแลทุกสิ่งเหล่านี้ได้ ลูกคิดจริง ๆ เหรอว่าพ่อจะดูแลลูกไม่ได้? พ่อจะทิ้งลูกเหรอ? จะทำให้ลูกชายลูกสาวของลูกตายไปเหรอ จะทำให้ลูกตกอยู่ในอันตรายหรือทำให้ป่วยเหรอ? พ่อเท่านั้นไม่ใช่เหรอที่จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ลูกสูญเสียไปกลับคืนมาอีกได้ และรักษาความเจ็บปวดของลูกได้?
โยบตอบคำถามของพระยะโฮวาแค่สองครั้ง เขาไม่ได้เถียง แก้ตัว หรือหาข้ออ้าง เขาถ่อมตัวยอมรับว่าเขาไม่มีความรู้ และขอสำนึกผิดที่พูดไปโดยไม่คิด (โยบ 40:4, 5; 42:1-6) เราเห็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับความเชื่อของโยบ แม้จะต้องอดทนกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต แต่เขาก็ยังรักษาความเชื่อไว้ โยบยอมรับการสั่งสอนจากพระยะโฮวาและเปลี่ยนความคิดของเขา เรื่องนี้อาจกระตุ้นให้เราถามตัวเองว่า ‘ฉันถ่อมตัวยอมรับคำแนะนำและการสั่งสอนไหม?’ เราทุกคนจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ และถ้าเราตอบรับเราก็กำลังเลียนแบบความเชื่อของโยบ
“พวกเจ้าไม่ได้พูดความจริงเกี่ยวกับเรา”
ตอนนี้พระยะโฮวาหันมาให้กำลังใจโยบ พระองค์บอกเอลีฟัสซึ่งน่าจะอายุมากที่สุดในบรรดาผู้ปลอบโยน 3 คนว่า “เราโกรธเจ้าและเพื่อนสองคนของเจ้ามาก เพราะพวกเจ้าไม่ได้พูดความจริงเกี่ยวกับเราเหมือนโยบผู้รับใช้ของเรา” (โยบ 42:7) คำพูดนี้หมายความว่า พระยะโฮวากำลังบอกว่าสิ่งที่ชาย 3 คนนี้พูดเป็นเรื่องเท็จ ส่วนเรื่องที่โยบพูดเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นไหม? ไม่ใช่ c สภาพการณ์ของโยบกับเพื่อน 3 คนต่างกันมาก โยบมีความทุกข์มาก โศกเศร้า และถูกโจมตีจากผู้กล่าวหาเท็จ จึงทำให้เข้าใจได้ว่าบางครั้งเขาอาจพูดโดยไม่คิด แต่เอลีฟัสกับเพื่อนอีก 2 คนของเขาไม่ได้เจอเรื่องทุกข์ใจอะไรเลย พวกเขามีความเชื่อน้อย เขาเลยพูดไม่ดีกับโยบ พวกเขาไม่ได้โจมตีแค่โยบซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่พวกเขาพูดผิด ๆ เกี่ยวกับพระยะโฮวาด้วย พวกเขาถึงกับพูดทำนองว่าพระองค์เป็นพระเจ้าที่โหดร้ายและชั่วร้ายด้วยซ้ำ!
เราไม่แปลกใจที่พระยะโฮวาสั่งให้ผู้ชายเหล่านี้ถวายเครื่องบูชาราคาแพง พวกเขาต้องถวายวัวตัวผู้ 7 ตัวและแกะตัวผู้ 7 ตัว นั่นไม่ใช่ราคาถูก ๆ เลย ต่อมากฎหมายของโมเสสกำหนดไว้ว่ามหาปุโรหิตต้องถวายสัตว์ชนิดนี้ถ้าเขาทำบาปที่ทำให้ประชาชนทั้งชาติมีความผิดไปด้วย (เลวีนิติ 4:3) นั่นเป็นสัตว์ที่แพงที่สุดในบรรดาเครื่องบูชา พระยะโฮวายังบอกด้วยว่าพระองค์จะยอมรับเครื่องบูชาของคนที่กล่าวหาโยบก็ต่อเมื่อโยบอธิษฐานเพื่อพวกเขาเท่านั้น d (โยบ 42:8) เรื่องนี้ทำให้โยบได้กำลังใจมากที่เห็นว่าพระยะโฮวาแก้ต่างให้เขา และเห็นความยุติธรรมของพระยะโฮวาได้รับการยกย่อง
“โยบผู้รับใช้ของเราจะอธิษฐานเพื่อพวกเจ้า”—โยบ 42:8
พระยะโฮวามั่นใจว่าโยบจะทำตามที่พระองค์บอก คือให้อภัยคนเหล่านั้นที่ทำให้เขาเจ็บใจ และโยบก็ไม่ทำให้พระเจ้าพ่อของเขาผิดหวัง (โยบ 42:9) การที่เขาเชื่อฟังโดยลงมือทำตามที่พระเจ้าบอกแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาซื่อสัตย์ การทำแบบนั้นมีพลังมากกว่าคำพูดมาก นี่เปิดทางให้เขาได้รับพรมากมาย
“มีความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”
พระยะโฮวาเมตตาและเห็นอกเห็นใจโยบจริง ๆ (ยากอบ 5:11) ทำไมถึงบอกอย่างนั้น? พระยะโฮวาทำให้โยบกลับมามีสุขภาพดีเหมือนเดิม คิดดูสิว่าโยบจะรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นว่าเนื้อของเขา “เปล่งปลั่งยิ่งกว่าตอนเป็นเด็ก” เหมือนอย่างที่เอลีฮูบอก! ในที่สุด ครอบครัวและเพื่อน ๆ ของเขาพากันมาช่วยเหลือ แสดงความเห็นอกเห็นใจ และให้ของขวัญเขา พระยะโฮวาทำให้โยบกลับมาร่ำรวย ทำให้เขามีทรัพย์สมบัติมากกว่าเดิม 2 เท่า แล้วเรื่องที่เจ็บปวดที่สุดของโยบที่ต้องสูญเสียลูกทั้งหมดไปล่ะ? โยบกับภรรยาได้รับการปลอบโยนระดับหนึ่ง เขามีลูกเพิ่มอีก 10 คน! และพระยะโฮวาก็ทำให้ชีวิตของโยบยืนยาวขึ้นอย่างอัศจรรย์ โยบมีอายุต่อไปอีก 140 ปี ซึ่งมากพอที่จะได้เห็นลูกหลานถึง 4 รุ่น คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ในที่สุด โยบก็ตายตอนที่แก่ชรามาก เขามีชีวิตยืนยาวและมีความสุข” (โยบ 42:10-17) และในอุทยาน โยบกับภรรยาที่น่ารักของเขาจะกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง รวมทั้งลูก 10 คนที่ซาตานพรากไปจากพวกเขาด้วย—ยอห์น 5:28, 29
ทำไมพระยะโฮวาให้รางวัลโยบมากขนาดนั้น? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “พวกคุณเคยได้ยินเรื่องความอดทนของโยบ” (ยากอบ 5:11) โยบต้องอดทนกับความยากลำบากมากกว่าที่พวกเราจะนึกออกได้ คำว่า “อดทน” บอกเราว่าโยบไม่ใช่แค่ผ่านความลำบากเหล่านั้นมาได้ แต่ขณะที่อดทนเขายังมีความเชื่อที่เข้มแข็งและมีความรักที่มั่นคงต่อพระยะโฮวา นอกจากนั้น แทนที่จะโกรธและขุ่นเคือง เขาเต็มใจให้อภัยคนที่จงใจทำให้เขาเจ็บปวด เขาไม่เคยทิ้งความหวังและความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าซึ่งเป็นสิ่งที่เขาถือว่ามีค่ามาก—โยบ 27:5
เราแต่ละคนต้องอดทน เพราะซาตานจะพยายามทำให้เราท้อใจเหมือนที่มันเคยทำกับโยบมาแล้วแน่ ๆ แต่ถ้าเราอดทน รักษาความเชื่อ ถ่อมตัว เต็มใจให้อภัยคนอื่น และซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าเสมอ เราก็มั่นใจได้ว่าความหวังที่ยอดเยี่ยมตามที่พระเจ้าสัญญาจะเป็นจริง (ฮีบรู 10:36) ถ้าเราเลียนแบบความเชื่อของโยบ เราจะทำให้ซาตานโกรธ แต่พระยะโฮวาที่รักเราจะมีความสุขมาก!
a เอลีฟัส บิลดัด และโศฟาร์พูดหลายอย่างกับโยบ สิ่งที่พวกเขาพูดมีถึง 9 บทในคัมภีร์ไบเบิล แต่ไม่มีสักครั้งเลยที่เขาเรียกชื่อโยบ
b บางครั้งพระองค์อธิบายถึงสิ่งต่าง ๆ อย่างตรงไปตรงมา และบางครั้งก็อธิบายโดยใช้ภาพเปรียบเทียบ พระองค์ทำอย่างนี้ได้ดีจนคุณไม่ทันสังเกตเลยว่าพระองค์เปลี่ยนวิธีการอธิบายแบบใหม่แล้ว (ดูตัวอย่าง โยบ 41:1, 7, 8, 19-21) ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน เป้าหมายของพระองค์ก็เพื่อช่วยโยบให้ทึ่งและประทับใจกับสิ่งที่พระองค์สร้าง
c ที่จริง ต่อมาเปาโลยกคำพูดหนึ่งที่เอลีฟัสเคยพูด เปาโลถือว่าคำพูดนั้นเป็นเรื่องจริง (โยบ 5:13; 1 โครินธ์ 3:19) เอลีฟัสพูดเรื่องจริง แต่เขาเอามาใช้แบบผิด ๆ เมื่อพูดกับโยบ
d ไม่มีบันทึกว่าโยบต้องถวายเครื่องบูชาแบบเดียวกันเพื่อภรรยาของเขา