บทสิบเจ็ด
“ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระยะโฮวา!”
1, 2. (ก) ชายแปลกหน้าทักทายมาเรียอย่างไร? (ข) ทูตสวรรค์มาหามาเรียทำไม และนี่จะมีผลต่อชีวิตเธออย่างไร?
มาเรียเงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ ขณะที่ผู้มาเยือนเข้ามาในบ้าน. เขาไม่ได้ถามหาพ่อแม่ของเธอ แต่ตั้งใจมาหาเธอ! ที่แน่ ๆ เธอรู้ว่าเขาไม่ได้เป็นคนนาซาเรท. เนื่องจากเมืองนี้เป็นเมืองเล็ก ๆ ถ้ามีคนแปลกหน้าเข้ามาก็จะรู้ทันทีและใคร ๆ คงจะสังเกตเห็นชายคนนี้อย่างแน่นอน. เขาพูดกับมาเรียอย่างที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า “ขอให้มีสันติสุข นางผู้เป็นที่โปรดปรานยิ่ง พระยะโฮวาทรงอยู่กับเจ้า.”—อ่านลูกา 1:26-28
2 นี่เป็นครั้งแรกที่คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงมาเรีย บุตรสาวของเฮลี ชาวเมืองนาซาเรทในแคว้นแกลิลี. เรื่องราวเริ่มต้นตอนที่มาเรียต้องตัดสินใจเรื่องที่สำคัญ. มาเรียเป็นคู่หมั้นของช่างไม้ชื่อโยเซฟ เขาไม่ใช่คนร่ำรวยแต่มีความเชื่อที่เข้มแข็งในพระเจ้า. ชีวิตเธอดูเหมือนมีแผนการที่แน่นอนอยู่แล้ว คือมีชีวิตที่เรียบง่ายในฐานะภรรยาของโยเซฟ ทำงานช่วยเหลือสามีและสร้างครอบครัวด้วยกัน. แต่แล้วจู่ ๆ เธอก็ได้พบผู้มาเยือนคนนี้ เขานำงานมอบหมายจากพระเจ้ามาให้ซึ่งจะทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนไป.
3, 4. เพื่อจะรู้จักมาเรียจริง ๆ เราควรสนใจอะไรและไม่สนใจอะไร?
3 หลายคนแปลกใจที่คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรมากเกี่ยวกับมาเรีย. พระคัมภีร์กล่าวถึงภูมิหลังและลักษณะนิสัยของเธอเพียงเล็กน้อย และไม่ได้พูดถึงรูปร่างหน้าตาของเธอเลย. แต่สิ่งที่พระคำของพระเจ้าบอกทำให้เรารู้ว่าเธอมีความเชื่อมาก.
4 เราไม่ควรตัดสินว่ามาเรียเป็นคนอย่างไรโดยอาศัยสิ่งที่ศาสนาต่าง ๆ สอนเกี่ยวกับเธอ. ภาพวาดและรูปปั้นของมาเรีย รวมทั้งคำสอนที่ยกย่องผู้หญิงธรรมดาคนนี้ให้อยู่ในตำแหน่งสูงส่ง เช่น “พระมารดาของพระเจ้า”
หรือ “ราชินีแห่งสวรรค์” ก็ไม่ได้ช่วยเราให้รู้จักมาเรียจริง ๆ. แทนที่จะสนใจสิ่งเหล่านั้น ให้เราสนใจเฉพาะสิ่งที่บอกไว้ในคัมภีร์ไบเบิล. ความรู้ในพระคัมภีร์เป็นสิ่งล้ำค่าเพราะช่วยเราให้รู้ว่ามาเรียมีความเชื่ออย่างไรและเราจะเลียนแบบเธอได้อย่างไร.การเยี่ยมของทูตสวรรค์
5. (ก) ทำไมมาเรียว้าวุ่นใจกับคำทักทายของทูตสวรรค์ และเรื่องนี้บอกให้รู้ว่าเธอเป็นคนอย่างไร? (ข) ตัวอย่างของมาเรียสอนอะไรเรา?
5 ชายแปลกหน้าที่มาหามาเรียไม่ใช่คนธรรมดา. เขาคือทูตสวรรค์กาบรีเอล. เมื่อทูตสวรรค์เรียกมาเรียว่า “นางผู้เป็นที่โปรดปรานยิ่ง” นาง “วุ่นวายใจมาก” และสงสัยว่าคำทักทายที่ไม่ธรรมดานี้หมายความว่าอะไร. (ลูกา 1:29) เธอเป็นที่โปรดปรานของใคร? มาเรียไม่ได้คิดว่าเธอจะเป็นที่โปรดปรานของมนุษย์. ที่จริง ทูตสวรรค์กำลังพูดถึงความโปรดปรานจากพระยะโฮวาพระเจ้า. สิ่งนี้สำคัญสำหรับเธอ. แม้มาเรียอยากเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า แต่เธอก็ไม่ได้คิดเอาเองว่าพระเจ้าโปรดปรานเธอแล้ว. พระเจ้าต่อต้านคนเย่อหยิ่ง แต่พระองค์รักและช่วยเหลือคนต่ำต้อยกับคนถ่อมใจ.—ยโก. 4:6
มาเรียไม่ได้คิดเอาเองว่าพระเจ้าโปรดปรานเธอ
6. ทูตสวรรค์ได้เสนอสิทธิพิเศษอะไรแก่มาเรีย?
6 ทูตสวรรค์ได้เสนอสิทธิพิเศษอันยิ่งใหญ่แก่มาเรีย และเธอต้องมีความถ่อมในการทำงานมอบหมายนี้. ทูตสวรรค์อธิบายว่าเธอจะให้กำเนิดเด็กคนหนึ่ง เด็กนี้จะกลายเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดในโลก. กาบรีเอลบอกว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าจะประทานบัลลังก์ของดาวิดราชบิดาของท่านให้แก่ท่าน และท่านจะเป็นกษัตริย์ปกครองเรือนของยาโคบตลอดไป และราชอาณาจักรของท่านจะไม่รู้สิ้นสุด.” (ลูกา 1:32, 33) แน่นอน มาเรียคงรู้เรื่องคำสัญญาที่พระเจ้าทำกับดาวิดเมื่อหนึ่งพันกว่าปีก่อนที่ว่า ลูกหลานคนหนึ่งของท่านจะได้ปกครองตลอดไป. (2 ซามู. 7:12, 13) ดังนั้น บุตรชายของเธอจะเป็นพระมาซีฮาที่ประชาชนของพระเจ้าเฝ้ารอมาตลอดหลายศตวรรษ.
7. (ก) คำถามที่มาเรียถามทูตสวรรค์บอกให้เรารู้อะไรเกี่ยวกับเธอ? (ข) มาเรียเป็นตัวอย่างที่ดีเช่นไรสำหรับเยาวชนในทุกวันนี้?
7 นอกจากนั้น ทูตสวรรค์บอกว่าบุตรของเธอจะ “ถูกเรียกว่าพระบุตรลูกา 1:34) สังเกตว่ามาเรียไม่รู้สึกอายที่จะบอกว่าเธอเป็นหญิงพรหมจารี. เธอถือว่าความบริสุทธิ์เป็นสิ่งมีค่า. ทุกวันนี้ เยาวชนหลายคนไม่อยากรักษาความบริสุทธิ์และเยาะเย้ยคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้. โลกเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ แต่พระยะโฮวาไม่เคยเปลี่ยน. (มลคี. 3:6) พระองค์ยังเห็นค่าผู้ที่ยึดมั่นกับมาตรฐานศีลธรรมของพระองค์เช่นเดียวกับสมัยของมาเรีย.—อ่านฮีบรู 13:4
ของพระผู้สูงสุด.” ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่งจะให้กำเนิดบุตรของพระเจ้าได้อย่างไร? ที่จริง มาเรียยังมีลูกไม่ได้ด้วยซ้ำ. เธอแค่หมั้นกับโยเซฟแต่ยังไม่ได้แต่งงานกัน. มาเรียถามทูตสวรรค์อย่างตรงไปตรงมาว่า “จะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรเพราะข้าพเจ้าไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับชายใด?” (8. มาเรียจะให้กำเนิดบุตรที่สมบูรณ์ได้อย่างไรในเมื่อเธอเป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์?
8 แม้ว่ามาเรียเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้า แต่เธอก็เป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์. ถ้าอย่างนั้น เธอจะให้กำเนิดบุตรที่สมบูรณ์ซึ่งเป็นพระบุตรของพระเจ้าได้อย่างไร? กาบรีเอลอธิบายว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์จะมาบนเจ้า และฤทธิ์ของพระผู้สูงสุดจะปกคลุมเจ้า. เพราะเหตุนั้น ผู้ที่กำเนิดมาจะถูกเรียกว่าผู้บริสุทธิ์ และเรียกว่าพระบุตรของพระเจ้า.” (ลูกา 1:35) บริสุทธิ์ หมายความว่า “สะอาด” “ไม่มีอะไรเจือปน” หรือ “ศักดิ์สิทธิ์.” ปกติแล้วมนุษย์จะถ่ายทอดสภาพที่ไม่สะอาดและผิดบาปให้ลูกหลาน. แต่ในกรณีนี้ พระยะโฮวาทรงทำการอัศจรรย์อย่างน่าทึ่ง. พระองค์จะย้ายชีวิตพระบุตรจากสวรรค์เข้าไปอยู่ในครรภ์ของมาเรีย แล้วใช้พลังปฏิบัติการหรือพระวิญญาณบริสุทธิ์ “ปกคลุม” มาเรียไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ทารกในครรภ์แปดเปื้อนบาป. มาเรียเชื่อสิ่งที่ทูตสวรรค์สัญญาไหม? เธอตอบอย่างไร?
คำตอบของมาเรีย
9. (ก) ทำไมเหล่าคนขี้สงสัยไม่ควรคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับมาเรียเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้? (ข) กาบรีเอลทำอะไรเพื่อช่วยให้มาเรียมีความเชื่อเข้มแข็งขึ้น?
9 เหล่าคนขี้สงสัยซึ่งรวมถึงนักเทววิทยาบางคนในคริสต์ศาสนจักรไม่เชื่อว่าหญิงพรหมจารีจะมีบุตรได้. แม้จะมีความรู้มากมาย แต่พวกเขาไม่เข้าใจความจริงที่เรียบง่ายข้อหนึ่ง. ดังที่ทูตสวรรค์กาบรีเอลบอก “ไม่มีคำตรัสใดที่พระเจ้าจะทำให้สำเร็จไม่ได้.” (ลูกา 1:37) มาเรียไม่สงสัยสิ่งที่ทูตสวรรค์กาบรีเอลบอกเพราะเธอมีความเชื่อมาก. แต่เธอไม่ได้เชื่อแบบงมงาย. มาเรียรู้ จักคิดหาเหตุผลเหมือนคนทั่วไป และเธอคงต้องการหลักฐานบางอย่างที่สนับสนุนเรื่องนี้. กาบรีเอลพร้อมจะให้หลักฐานเพิ่มเติม. ทูตสวรรค์บอกเธอเรื่องเอลิซาเบท ญาติของเธอที่อายุมากแล้วและเป็นหมัน แต่ก็ตั้งครรภ์ได้โดยการอัศจรรย์จากพระเจ้า.
10. ทำไมสิทธิพิเศษที่มาเรียได้รับอาจทำให้เธอรู้สึกหนักใจ?
10 มาเรียจะตัดสินใจอย่างไร? เธอได้รับงานมอบหมายจากพระเจ้าและมีหลักฐานแสดงว่าพระองค์กำลังจะทำทุกสิ่งตามที่ทูตสวรรค์กาบรีเอลบอก. แม้ว่าเป็นสิทธิพิเศษที่จะให้กำเนิดบุตรของพระเจ้า แต่เรื่องนี้คงทำให้มาเรียรู้สึกหนักใจไม่น้อย. เหตุผลหนึ่งคือเธอหมั้นกับโยเซฟแล้ว. เขาจะยังแต่งงานกับเธอไหมถ้ารู้ว่าเธอตั้งครรภ์? นอกจากนั้น งานมอบหมายนี้ดูเหมือนเป็นหน้าที่รับผิดชอบที่ใหญ่โตจริง ๆ. เธอต้องอุ้มท้องชีวิตที่มีค่าที่สุดในบรรดาสิ่งทรงสร้างของพระเจ้าคือ บุตรที่รักของพระยะโฮวา. เธอต้องดูแลพระบุตรนี้ขณะเป็นทารกที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และปกป้องพระองค์จากโลกที่ชั่วช้า. ช่างเป็นหน้าที่รับผิดชอบที่หนักจริง ๆ!
11, 12. (ก) บางครั้งผู้ชายที่แข็งแรงและซื่อสัตย์รู้สึกอย่างไรกับงานที่พระเจ้ามอบหมายให้? (ข) คำพูดที่มาเรียตอบกาบรีเอลแสดงว่าเธอเป็นคนอย่างไร?
11 คัมภีร์ไบเบิลแสดงว่าบางครั้งผู้ชายที่แข็งแรงและซื่อสัตย์ก็ยังลังเลที่จะรับเอางานมอบหมายจากพระเจ้า. โมเซยืนกรานว่าท่านพูดไม่คล่อง เป็นโฆษกของพระเจ้าไม่ได้. (เอ็ก. 4:10) ยิระมะยาห์ก็ท้วงว่าท่านยัง “เด็กอยู่” อายุน้อยเกินกว่าที่จะรับเอางานมอบหมายจากพระเจ้า. (ยิระ. 1:6) และโยนาห์ถึงกับหนีงานมอบหมายด้วยซ้ำ. (โยนา 1:3) แล้วมาเรียล่ะ เธอจะตัดสินใจอย่างไร?
12 เธอตอบกาบรีเอลว่า “ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระยะโฮวา! ขอให้เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าตามที่ท่านพูดเถิด.” (ลูกา 1:38) คำตอบที่แสดงถึงการเชื่อฟังและความถ่อมใจนี้ยังคงเป็นตัวอย่างที่ดีจนถึงปัจจุบัน. ตามปกติแล้วทาสที่เป็นผู้หญิงจะมีฐานะต่ำที่สุด ชีวิตทั้งสิ้นของเธออยู่ในกำมือของนาย. มาเรียรู้สึกอย่างนั้นกับพระยะโฮวาผู้เป็นนายของเธอ. เธอรู้ว่าพระยะโฮวาจะปกป้องเธอ รู้ว่าพระองค์จะภักดีต่อผู้ที่ภักดีต่อพระองค์ และรู้ว่าพระองค์จะอวยพรเธอถ้าเธอทำงานมอบหมายที่ท้าทายนี้อย่างดีที่สุด.—เพลง. 18:25
มาเรียรู้ว่าพระยะโฮวาพระเจ้าผู้ภักดีจะปกป้องเธอ
13. ถ้าสิ่งที่พระเจ้าบอกให้เราทำดูเหมือนยากเกินไปหรือถึงกับทำไม่ได้ ตัวอย่างของมาเรียจะช่วยเราอย่างไร?
สุภา. 3:5, 6) ถ้าเราทำอย่างนั้น พระองค์จะตอบแทนเราโดยให้เรามีความเชื่อในพระองค์มากยิ่งขึ้น.
13 บางครั้งเราอาจรู้สึกว่าสิ่งที่พระเจ้าบอกให้เราทำดูเหมือนยากเกินไป หรือถึงกับทำไม่ได้ด้วยซ้ำ. แต่สิ่งที่พระองค์บันทึกไว้ในพระคำของพระองค์ช่วยเราให้มั่นใจว่า เราสามารถฝากชีวิตของเราไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ได้เหมือนกับมาเรีย. (ไปเยี่ยมเอลิซาเบท
14, 15. (ก) เมื่อมาเรียไปหาเอลิซาเบทและเซคาระยาห์ พระยะโฮวาทำอย่างไรเพื่อช่วยให้มาเรียมั่นใจยิ่งขึ้น? (ข) คำพูดของมาเรียในลูกา 1:46-55 บอกอะไรเกี่ยวกับเธอ?
14 เมื่อมาเรียได้ยินเรื่องเอลิซาเบทจากกาบรีเอล เธอมีกำลังใจมาก. คงไม่มีผู้หญิงคนไหนจะเข้าใจสภาพการณ์ของเธอได้ดีไปกว่าเอลิซาเบท. มาเรียรีบไปหาเอลิซาเบท บ้านของนางอยู่ที่เมืองหนึ่งในแถบภูเขาเขตแดนตระกูลยูดาห์ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทาง 3-4 วัน. พอเข้าไปในบ้านของเอลิซาเบทและปุโรหิตเซคาระยาห์ พระยะโฮวาช่วยให้มาเรียมั่นใจยิ่งขึ้นโดยให้หลักฐานเพิ่มเติม. เมื่อเอลิซาเบทได้ยินคำทักทายของมาเรีย ทารกในครรภ์ของนางก็ดิ้นด้วยความยินดี. นางเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และเรียกมาเรียว่า “มารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้าของฉัน.” พระเจ้าเปิดเผยให้เอลิซาเบทรู้ว่าบุตรของมาเรียจะเป็นพระมาซีฮา องค์พระผู้เป็นเจ้าของนาง. และนางยังได้รับการดลใจให้กล่าวชมที่มาเรียเชื่อฟังอย่างซื่อสัตย์ โดยพูดว่า “สตรีที่เชื่อก็มีความสุข.” (ลูกา 1:39-45) ใช่แล้ว ทุกสิ่งที่พระยะโฮวาสัญญากับมาเรียจะสำเร็จเป็นจริง.
15 จากนั้น มาเรียก็กล่าวสรรเสริญพระยะโฮวา. คำพูดของเธอถูกบันทึกไว้ในพระคำของพระเจ้า. (อ่านลูกา 1:46-55 ) ในคัมภีร์ไบเบิล นี่เป็นคำพูดที่ยาวที่สุดของมาเรีย และบอกให้เรารู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับตัวเธอ. คำพูดของมาเรียแสดงว่าเธอเป็นคนสำนึกบุญคุณ เพราะเธอสรรเสริญพระยะโฮวาผู้ทรงอวยพรเธอให้มีสิทธิพิเศษเป็นมารดาของพระมาซีฮา. คำพูดนี้บอกให้รู้ว่าเธอมีความเชื่อที่ลึกซึ้ง เธอกล่าวถึงพระยะโฮวาว่าทำให้คนเย่อหยิ่งและผู้มีอำนาจต้องตกต่ำ แต่ช่วยเหลือผู้ต่ำต้อยและคนยากจนที่พยายามจะรับใช้ พระองค์. เรายังเห็นด้วยว่าเธอมีความรู้มากแค่ไหนในพระคำของพระเจ้า. บางคนคิดว่าเธอได้ยกข้อความจากพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูขึ้นมากล่าวมากกว่า 20 ครั้ง. *
16, 17. (ก) มาเรียกับบุตรแสดงน้ำใจแบบไหนซึ่งเราควรจะเลียนแบบ? (ข) การที่มาเรียไปหาและพักอยู่กับเอลิซาเบททำให้เรานึกถึงความสำคัญของเรื่องใด?
16 เห็นชัดว่า มาเรียใคร่ครวญพระคำของพระเจ้าอย่างลึกซึ้ง. กระนั้น เธอยังถ่อมใจอ้างถึงสิ่งที่บอกไว้ในพระคัมภีร์แทนที่จะพูดจากความคิดของตัวเอง. ในอนาคต บุตรที่กำลังเติบโตอยู่ในครรภ์ของเธอก็จะแสดงน้ำใจแบบเดียวกัน โดยกล่าวว่า “สิ่งที่เราสอนไม่ใช่คำสอนของเราเอง แต่เป็นของพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา.” (โย. 7:16) ดีที่เราจะถามตัวเองว่า ‘ฉันนับถือพระคำของพระเจ้าแบบเดียวกับมาเรียไหม? หรือฉันชอบทำตามความคิดของตัวเองและสอนโดยพึ่งสติปัญญาของตัวเองมากกว่า?’ มาเรียแสดงชัดเจนว่าเธอนับถือพระคำของพระเจ้า.
17 มาเรียพักอยู่กับเอลิซาเบทประมาณ 3 เดือน และไม่ต้องสงสัยว่าทั้งเธอและเอลิซาเบทคงได้รับกำลังใจอย่างมาก. (ลูกา 1:56) เรื่องราวของพวกเธอทำให้เรานึกถึงความสำคัญของมิตรภาพ. ถ้าเราเลือกคบกับคนที่รักพระยะโฮวาพระเจ้าของเราจริง ๆ เราจะมีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระองค์ยิ่งขึ้น. (สุภา. 13:20) แต่แล้วก็ถึงเวลาที่มาเรียต้องกลับบ้าน. โยเซฟจะว่าอย่างไรเมื่อรู้เรื่องของเธอ?
มาเรียกับโยเซฟ
18. มาเรียบอกอะไรโยเซฟ และเขามีปฏิกิริยาอย่างไร?
18 มาเรียคงไม่ได้รอให้ครรภ์ใหญ่ขึ้นแล้วค่อยบอกเรื่องของเธอแก่โยเซฟ. เธอคงสงสัยว่าชายที่ดีและยำเกรงพระเจ้าผู้นี้จะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อได้ยินเรื่องของเธอ. เธอไปหาโยเซฟแล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง. ดังที่คุณอาจคิดอยู่แล้ว โยเซฟเป็นทุกข์มาก. ใจหนึ่งเขาอยากเชื่อผู้หญิงที่ตนรัก แต่อีกใจก็สงสัยว่าเธอไม่ซื่อสัตย์ต่อเขา. คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บอกว่าตอนนั้นเขาคิดอะไร บอกแต่ว่าเขาตัดสินใจจะหย่ากับเธอ เนื่องจากในสมัยนั้นถือว่าคนที่หมั้นกันมัด. 1:18, 19) มาเรียคงรู้สึกเจ็บปวดที่เห็นชายผู้แสนดีคนนี้ทุกข์ทรมานใจกับสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน. แต่มาเรียไม่ได้ตำหนิโยเซฟที่ไม่เชื่อเธอ.
แล้วมีฐานะเท่ากับสามีหรือภรรยา. อย่างไรก็ตาม เขาไม่ต้องการทำให้เธออับอายหรือถูกลงโทษ จึงคิดจะหย่ากับเธออย่างเงียบ ๆ. (19. พระยะโฮวาช่วยโยเซฟให้ทำสิ่งที่สอดคล้องกับการชี้นำของพระองค์อย่างไร?
19 พระยะโฮวาช่วยให้โยเซฟรู้ว่าเขาควรทำอะไร. ทูตสวรรค์ของพระเจ้ามาบอกโยเซฟในความฝันว่ามาเรียตั้งครรภ์โดยการอัศจรรย์จริง ๆ. โยเซฟมัด. 1:20-24
คงรู้สึกโล่งใจมาก. ตอนนี้ โยเซฟจึงทำสิ่งที่สอดคล้องกับการชี้นำของพระยะโฮวา ซึ่งเป็นสิ่งที่มาเรียทำตั้งแต่แรก. เขาแต่งงานกับมาเรียและเตรียมตัวรับหน้าที่รับผิดชอบพิเศษในการดูแลพระบุตรของพระยะโฮวา.—20, 21. คนที่สมรสแล้วและคนที่คิดจะสมรสเรียนอะไรได้จากตัวอย่างของโยเซฟกับมาเรีย?
20 คงจะดีถ้าคนที่สมรสแล้วรวมทั้งคนที่คิดจะสมรสเรียนบางสิ่งจากสามีภรรยาหนุ่มสาวคู่นี้ซึ่งมีชีวิตอยู่เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว. เมื่อโยเซฟเห็นภรรยาเอาใจใส่และทำหน้าที่ของมารดาอย่างดี เขาคงดีใจที่ทูตสวรรค์ของพระยะโฮวาชี้นำเขา. ตอนนี้โยเซฟคงเห็นแล้วว่าเป็นเรื่องสำคัญเพียงไรที่จะหมายพึ่งพระยะโฮวาเมื่อต้องตัดสินใจเรื่องที่สำคัญ ๆ. (เพลง. 37:5; สุภา. 18:13) เราแน่ใจว่า หลังจากนี้เมื่อโยเซฟต้องตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ในฐานะหัวหน้าครอบครัว เขาคงมีความสุขุมรอบคอบและคำนึงถึงคนรอบข้าง.
21 นอกจากนั้น การที่มาเรียเต็มใจแต่งงานกับโยเซฟแม้เขาจะสงสัยในตัวเธอสอนอะไรเรา? ถึงแม้ตอนแรกโยเซฟอาจไม่เข้าใจเรื่องที่เธอเล่าเต็มที่ แต่เธอก็อดทนรอและวางใจเขาในฐานะผู้ที่จะมาเป็นหัวหน้าครอบครัว. มาเรียคงเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะอดทนรอและสตรีคริสเตียนในทุกวันนี้ก็ควรเลียนแบบเธอ. ประการสุดท้าย เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นคงช่วยให้โยเซฟกับมาเรียเห็นคุณค่าความซื่อสัตย์และการพูดคุยอย่างตรงไปตรงมา.—อ่านสุภาษิต 15:22
22. โยเซฟกับมาเรียเริ่มต้นชีวิตสมรสบนพื้นฐานอะไร และมีงานอะไรรอพวกเขาอยู่?
22 แน่นอน คู่สมรสหนุ่มสาวคู่นี้ได้เริ่มต้นชีวิตสมรสบนพื้นฐานที่ดีที่สุด. ทั้งสองรักพระยะโฮวาพระเจ้าเหนือสิ่งอื่นใดและปรารถนาจะทำให้พระองค์พอพระทัยในฐานะพ่อแม่ที่สำนึกถึงความรับผิดชอบและเอาใจใส่ลูก. แน่ละ มีพระพรที่ยิ่งใหญ่กว่ารอพวกเขาอยู่ และยังมีงานที่ท้าทายกว่าด้วย. พวกเขาต้องเลี้ยงดูพระเยซู ผู้ที่จะเติบโตขึ้นเป็นบุรุษผู้ใหญ่ยิ่งเท่าที่โลกเคยรู้จัก.
^ วรรค 15 ตัวอย่างเช่น ดูเหมือนมาเรียได้ยกคำพูดของนางฮันนามากล่าว. ฮันนาซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาและได้รับพระพรเรื่องการมีบุตรเช่นกัน.—ดูกรอบ “คำอธิษฐานสองครั้งที่โดดเด่น” ในบท 6.